ขณะนี้เรากำลังอยู่ในช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ศักราชใหม่ จึงขอหยิบเอาแนวโน้มในกระแสโลกมาเล่าให้ฟังกันบ้าง ที่มาจากหนังสือ New Mega Trends ที่กล่าวถึงแนวโน้มและโอกาสจากระดับมหัพภาค สู่ จุลภาค ที่มีผลกระทบทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านต่าง ๆ เช่น ธุรกิจในอนาคต วัฒนธรรมและชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนในสังคม แต่งโดย Sarwant Singh
Mega Trend 1:Urbanisation – “City as a Customer”
เทรนด์ที่ 1 : เมืองคือลูกค้า เมืองใหญ่ในประเทศต่าง ๆ ที่มีการเจริญเติบโตและพัฒนาขึ้นมาอย่างรวดเร็ว จะขับเคลื่อนความก้าวหน้าในอนาคต เช่น กรุงโซล-เกาหลีใต้, กรุงบรัสเซลส์-เบลเยี่ยม,กรุงบูดาเปสท์-ฮังการี เป็นต้น แนวคิดเมืองเป็นลูกค้านี้ ทำให้มุมมองของโมเดลธุรกิจต่างไปจากเดิม จาก B2B , B2C กลายเป็นแบบใหม่ที่ผมขอเรียกว่าเป็น B2U (Business to Urban) ก็แล้วกัน ยกตัวอย่างเช่น Siemens เป็นผู้ให้บริการทางด้านเทคโนโลยีสาธารณูปโภคพื้นฐาน เช่น ระบบไฟฟ้า การคมนาคมขนส่ง การก่อสร้าง ฯลฯ ให้แก่เมืองที่เป็นลูกค้า เป็นต้น
Mega Trend 2:Smart is the New Green
เทรนด์ที่ 2 : เทคโนโลยีสมัยใหม่ที่เป็นอัจฉริยะต้องสอดคล้องกับแนวคิดสีเขียว นั่นคือ นวัตกรรมที่ห่วงใยโลกและสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะเกิดขึ้นได้จากการมาบรรจบกันของเทคโนโลยีจากผู้เล่นในอุตสาหกรรม IT รายต่าง ๆ ซึ่งนำมาสู่นวัตกรรมและเทคโนโลยีที่เป็นอัจฉริยะเพื่อโลกสีเขียว เช่น smart car , smart phone, smart energy, smart medical, smart cloud, smart material, smart grid, smart home, smart city ฯลฯ
Mega Trend 3:Social Trends
เทรนด์ที่ 3 : แนวโน้มกลุ่มสังคมใหม่ ต่อไปคนในสังคมจะถูกแบ่งกลุ่มและจัดประเภทออกเป็นเซ็กเมนต์ต่าง ๆ ที่มีชื่อเรียกแปลก ๆ มากมาย ตามลักษณะทางประชากรศาสตร์ ภูมิศาสตร์ พฤติกรรมศาสตร์ วัฒนธรรม เทคโนโลยี เช่น Geo-socialisation, Robo-slaves, She-conomy, Ageing Population, Reverse Brain Drain, Middle bulge , Generational Political Shift ฯลฯ
Mega Trend 4:Economic Trends
เทรนด์ที่ 4 : แนวโน้มเศรษฐกิจใหม่ จะมีผู้เล่นหน้าใหม่ในระบบเศรษฐกิจโลกที่เข้ามามีบทบาทมากขึ้น นั่นคือ ประเทศและกลุ่มประเทศต่าง ๆ ที่มีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว เช่น บราซิล รัสเซีย จีน อินเดีย ตุรกี เม็กซิโก โปแลนด์ อียิปต์ แอฟริกาใต้ รวมทั้งประเทศไทย และกลุ่มอาเซียนที่มีจำนวนประชากรสูง กลุ่มประเทศเหล่านี้จะกลายเป็น The Next Game Changers ภายในปี 2025 หากยังรักษาอัตราเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
Mega Trend 5:Connectivity & Convergence
เทรนด์ที่ 5 : การเชื่อมต่อและการมาบรรจบกันของเทคโนโลยี อุตสาหกรรม และผลิตภัณฑ์ ในปี 2020 จะมีอุปกรณ์เชื่อมต่อถึงกันได้มากกว่า 8 หมื่นล้านเครื่อง และผู้ใช้อินเตอร์เน็ตจะมีประชากร 5 พันล้านคน เทคโนโลยีที่จะเชื่อมต่อและบรรจบถึงกันได้ระหว่างอุตสาหกรรม ได้แก่ พลังงาน สิ่งแวดล้อม ยานยนต์ การบิน การก่อสร้าง สารสนเทศและการสื่อสาร เฮลท์แคร์ เคมิคัล ฯลฯ ตัวอย่างเช่น ยานพาหนะที่ไม่ต้องใช้คนขับ เป็นต้น
Mega Trend 6:Innovating to Zero
เทรนด์ที่ 6 : นวัตกรรมเพื่อความเป็นศูนย์ หมายถึง การคิดค้นอะไรใหม่ ๆ ภายใต้แนวคิดของการตัดลดสิ่งที่ไม่จำเป็นหรือไม่ต้องการให้น้อยลงเรื่อย ๆ จนเหลือ 0 หรือไม่มีเลยดีที่สุด ในปี 2020 ซีโร่คอนเซปท์นี้จะแพร่กระจายจนได้ออกมาเป็นนวัตกรรมต่าง ๆ ได้แก่ Zero Defects , Zero Faults , Zero Waste/ Emissions ,Zero Emails, , Zero Emissions from Cars ,Zero Accidents ,Zero Crime Rates ฯลฯ
Mega Trend 7: New BusinessModels: Value for Many
เทรนด์ที่ 7 : โมเดลธุรกิจใหม่ เปลี่ยนจากคุณค่าทางตัวเงิน (Value for money) มาเป็นคุณค่าสำหรับหลายคน (Value for Many) นั่นคือ ธุรกิจยุคใหม่จะต้องคำนึงถึงสังคมมากขึ้น ไม่เน้นกำไรสูงสุด แต่ต้องตอบโจทย์ทางสังคมได้ด้วย หรือถ้าจะให้ดีก็เป็นกิจการเพื่อสังคมไปเลย เป็นการสร้างโอกาสให้กับคนระดับชนชั้นที่อยู่บนฐานของปิรามิดให้ได้รับโอกาสในการเข้าถึงคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ตัวอย่าง เช่น Freemium, Group Buying, Micro Finance, Affordable Healthcare, Sharing – what is yours is mine ฯลฯ เป็นการทำธุรกิจบนฐานคิดเกี่ยวกับชุมชนและสังคม นั่นเอง
Mega Trend 8:Health, Wellness and Wellbeing
เทรนด์ที่ 8 : สุขภาพ และชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี การให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตของมนุษย์ที่ลึกซึ้งมากขึ้น โดยคำนึงถึงมุมมอง 3 ด้าน ได้แก่ ร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณ สุขภาพและชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีจะต้องมีครบทั้ง 3 ด้านนี้ แนวโน้มนี้จะทำให้เกิดการพัฒนาด้านวิทยาการทางการแพทย์และสุขภาพต่าง ๆ ในอนาคต เช่น Nutraceutical, E-Health/M-Health, Health Kiosks, Cybernetics, Healthcare Tourism, Wonder Drugs, Non-Invasive Surgery, Gene Therapy ฯลฯ
Mega Trend 9:High Speed Rail
เทรนด์ที่ 9 : การเดินทางระบบรางความเร็วสูง ในอนาคต รถไฟความเร็วสูงจะไม่เพียงแค่เชื่อมต่อระหว่างเมืองและประเทศเท่านั้น แต่ยังจะเชื่อมทวีปเข้าด้วยกัน ก่อให้เกิดโอกาสทางการค้าและเศรษฐกิจใหม่ ๆ มากมาย ประเทศที่มีการพัฒนารถไฟความเร็วสูงมากขึ้นในอนาคต ก็คือ จีน อังกฤษ สหรัฐอเมริกา และรัสเซีย
Mega Trend 10 : eMobility
เทรนด์ที่ 10 : การเคลื่อนย้ายด้วยระบบไฟฟ้า ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนก็คือ อุตสาหกรรมยานยนต์ ที่จะเปลี่ยนพลังงานเชื้อเพลิงในการขับเคลื่อนจากน้ำมันมาเป็นพลังงานไฟฟ้า ซึ่งจะเติมพลังงานขับเคลื่อนใหม่ได้ด้วยการชาร์จไฟฟ้าเข้าไปในแบตเตอรี่ อนาคต นอกจากจะมีปั๊มเติมน้ำมันเติมแก็สแล้วจะต้องมีสถานีให้บริการเติมไฟฟ้าด้วย และเทคโนโลยียุคต่อไปก็จะพัฒนาไปเป็นการชาร์จแบบไร้สาย (Wireless charging)
3/9/56
New Mega Trends แนวโน้มใหญ่ในโลกใหม่
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น